Friday, May 9, 2014

เทคนิคการปลูกผักสวนครัว การปลูกตำลึง วิธีการปลูกตำลึง

 การปลูกตำลึง วิธีการลกตำลึง



ตำลึง เป็นผักพื้นบ้านที่คนทั่วไปรู้จักกันมานาน เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการมาก สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลายชนิด เช่นแกงจืด ต้มจิ้มน้ำพริก ใส่ก๋วยเตี๋ยวและต้มเลือดหมู เป็นต้น ในอดีตนั้นเราไม่จำเป็น ต้องปลูกตำลึงเอาไว้รับประทานเอง เนื่องจากตำลึงมักพบเห็นทั่วไป
ตามเถาไม้เลื้อยอื่น ตามพุ่มไม้เตี้ยหรือพุ่มไม้แห้งตาย รวมทั้งขึ้นตามริมรั้วบ้าน จนมีคำกล่าวถึง “ ตำลึงริมรั้ว ” อยู่เสมอแต่ในปัจจุบันเราไม่ค่อยพบตำลึงตามริมรั้วอีกแล้ว จะเห็นก็เฉพาะในที่รกร้างว่างเปล่า หรือไม่ก็ตามสวนที่ปลูกตำลึงไว้เพื่อการค้า ซึ่งสามารถทำรายได้อย่างงามแก่ผู้ปลูกตำลึงขายเป็นอย่างดี




ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ตำลึง เป็นไม้เถาเลื้อย เถาตำลึงมีลักษณะกลม แยกเพศกันอยู่คนละต้น ปลายดอกแยกออกเป็น 5 แฉก โคนติดกันเป็นกรวย ผลมีรูปร่างกลมรีคล้ายแตงกวาแต่มีขนาดเล็กกว่า ผลอ่อนมีสีเขียวลายขาว เมื่อแก่กลายเป็นสีแดง ตำลึงเป็นพืชที่ชอบน้ำ จะสังเกตเห็นว่าในหน้าแล้งใบตำลึงจะแคระแกร็น แต่ในหน้าฝนยอดตำลึงจะอ่อนอวบอิ่มน่ารับประทาน ตำลึงออกดอกประมาณเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม

คุณค่าทางอาหาร
ตำลึง เป็นผักใบเขียวเข้มมีคุณค่าทางอาหารสูงมีทั้งเบต้า – แคโรทีนที่ช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจขาดเลือด ทั้งในแคลเซียมและสารอาหารอื่น ๆ ที่พร้อมกันมาช่วยให้สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงนอกจากนี้ยังพบว่า ตำลึงยังประกอบไปด้วยเส้นใย ที่มีความสามารถในการจับไนไตรท์ได้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่น นี่เป็นคุณลักษณะพิเศษของตำลึงที่มีเส้นใยคอยจับไนไตรท์เพราะจะเป็นการลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารได้

การปลูกและการขยายพันธุ์
ตำลึง มีการปลูกและขยายพันธุ์ได้ 2 วิธี คือ
  • เพาะเมล็ด
  • ปักชำด้วยเถา


การเพาะเมล็ด มีวิธีการง่าย ๆ ดังนี้
เตรียมดินเหมือนปลูกผักทั่วไปผสมปุ๋ยชีวภาพหรือปุ๋ยคอกก็ได้ นำผลตำลึงแก่สีแดงแกะเอาเมล็ดออกมาโรยบนดินที่เตรียมไว้ โรยดินกลบหรือใช้ใบไม้แห้งกลบบาง ๆ รดน้ำให้ชุ่มเช้าเย็น ตำลึงชอบดินชุ่มแต่อย่าให้แฉะเพราะจะเกิดโรคโคนเน่าได้เมื่อต้นงอกขึ้นมาสักประมาณ 5 ซม. เริ่มมีมือเกาะให้ทำค้าง( เนื่องจากตำลึงเป็นไม้เลื้อย จำเป็นต้องใช้ค้าง เพื่อให้ตำลึงไต่ขึ้นสู่ที่สูงเพื่อรับแสงแดด ) เหมาะที่สุดคือ ความสูงระดับ 1 เมตรขึ้นไป แต่ไม่ควรสูงเกิน3 เมตร เพราะจะไม่สะดวกในการเก็บยอดตำลึง 

โดยใช้ไม้ไผ่ต้นเล็ก 3 ต้น ปักเป็น 3 เส้า รอบปลายเชือกเข้าไว้ด้วยกัน ผูกด้วยเชือกกล้วยหรือเชือกปอ ใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เพื่อช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่ง
หรือหากมีรั้วไม้ระแนง ก็ถือโอกาสใช้ประโยชน์โดยโรยเมล็ดไปตามริมรั้วเลยทีเดียว ตำลึงต้องได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน ลมโกรกผ่านได้ ตำลึงจะสังเคราะห์แสงแดดคายไอน้ำได้เต็มที่ ควรปล่อยให้มดแดงขึ้น เพราะจะช่วยกินเพลี้ยและแมลงที่จะมากัดกินตำลึงปักชำด้วยเถาการปลูกตำลึงเพื่อการค้านั้นนิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้ เนื่องจากตำลึงจะเจริญเติบโตเร็วกว่าการเพาะด้วยเมล็ด

วิธีการปักชำ
ให้นำเถาที่แก่พอสมควรมาตัดให้ยาว 15 – 20 ซม. ปักชำในหลุมปลูกที่ได้เตรียมไว้แล้ว( ลักษณะขั้นตอนการปลูกเหมือนกับหัวข้อการเพาะเมล็ด ) พอเจริญเติบโตเต็มที่ประมาณ 1 เดือน ก็สามารถเก็บยอดมาปรุงอาหารได้

ทั้งนี้ เพื่อให้ตำลึงแตกยอดใหม่ทยอยออกมาตลอดปี ต้องหมั่นเก็บมาบริโภคอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันให้ใส่ปุ๋ยคอก ช่วยเพิ่มเติมอาหารในดินประมาณเดือนละครั้ง ต้องหมั่นรดน้ำสม่ำเสมอในหน้าแล้งและหน้าหนาวส่วนหน้าฝนจะเว้นได้บ้างแต่ต้องช่วยรดน้ำในขณะที่ฝนทิ้งช่วง

No comments: